ยิ่งลักษณ์แถลงปิดคดี ปฏิเสธความผิดคดีจำนำข้าว
2017.08.01
กรุงเทพฯ

ในวันอังคาร (1 สิงหาคม 2560) นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีจำนำข้าว ได้แถลงปิดคดีด้วยวาจาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยระบุว่า ตนเองไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา และขอให้ศาลพิจารณาคดีตามข้อเท็จจริง โดยไม่ฟังการชี้นำจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งศาลฎีกาได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 นี้
“ดิฉันไม่ได้ทำอะไรผิด แต่สิ่งที่ดิฉันทำ คือ การใช้ประสบการณ์ของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่เกิดในต่างจังหวัด มีโอกาสได้รับรู้ สัมผัสความทุกข์ยากแสนสาหัสของชาวไร่ชาวนา ซึ่งประเทศนี้เคยเรียกพวกเขาว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ และเรียกร้องให้คนไทยทุกคน เกื้อหนุนดูแล และดิฉันก็ได้ทำแล้วในโครงการรับจำนำข้าว เป็นผลพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรมแล้วว่า ในช่วงที่มีโครงการรับจำนำข้าว ชาวนามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลูกหลานมีโอกาสเรียนต่อ นับเป็นความภูมิใจในชีวิต ที่ครั้งหนึ่ง ดิฉันได้มีโอกาสผลักดันนโยบายนี้ ให้กับชาวนา” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวในการแถลงปิดคดีด้วยวาจา
“ดิฉันเห็นว่าก่อนที่ศาลจะตัดสินคดีนี้ ดิฉันใคร่ขอวิงวอนศาลได้โปรดพิจารณา พิพากษาคดีนี้ตามข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและพยานหลักฐานที่เข้าสู่สำนวนโดยชอบและโดยสุจริต ไม่รับฟังการชี้นำจากฝ่ายใดๆ แม้แต่หัวหน้า คสช. (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี) ผู้กุมชะตาและอำนาจรัฐ ที่พูดชี้นำคนในสังคมเกี่ยวกับคดีของดิฉัน เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า ถ้าเรื่องนี้ไม่ผิดแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาได้อย่างไร ซึ่งคำพูดนี้ เป็นการชี้นำ เสมือนหนึ่งว่า มีการกระทำความผิดแล้ว ทั้งๆ ที่ศาลที่เคารพ ยังไม่ได้ตัดสิน” อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงระบุ
ในวันอังคารนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางมาถึงศาลฎีกาฯ พร้อมด้วยสมาชิกพรรคเพื่อไทยกว่า 40 คน มีประชาชนกลุ่มผู้สนับสนุนรอต้อนรับหลายร้อยคน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยรักษาความปลอดภัยจำนวนมาก
โดยระหว่างการเดินเข้าสู่ประตูศาล ผู้สนับสนุนบางรายได้มอบดอกไม้ รวมทั้งขอถ่ายภาพร่วมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์มีนัดเดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคม 2560
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงปิดคดีรับจำนำข้าวด้วยวาจาพาดพึงถึงตนเองในฐานะหัวหน้า คสช. ว่า ตนเองไม่เคยชี้นำ และกระบวนการยุติธรรมทำงานอย่างอิสระ ก้าวล่วงไม่ได้
“เป็นเรื่องของศาลรับไปพิจารณาต่อไป หลังจากศาลตัดสินสถานการณ์การเมืองคงไม่ขึ้นอยู่กับผม ขึ้นอยู่กับประชาชน กลุ่มนักการเมือง เราต้องเดินหน้าประเทศไปด้วยกระบวนการยุติธรรม ผมไม่เคยต้องไปสั่งอะไรกระบวนการยุติธรรม ให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดโดยไม่ไปก้าวล่วงเขา ผมไม่เคยต้องไปสั่ง มันสั่งไม่ได้อยู่แล้วล่ะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
“ผมชี้นำตรงไหน เพียงแต่ชี้แจงว่า ผลการตรวจสอบเป็นยังไง ผมต้องร่วมมือกับหน่วยงานในการนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในการตรวจสอบต่างๆ แค่นั้นเอง ตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ข้าวเป็นยังไงเสียหรือไม่เสีย” นายกรัฐมนตรีระบุ
นายบุญเจิด ศรีสวัสดิ์ อายุ 53 ปี ผู้สนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า ตนเองเดินทางจากบ้านในจังหวัดสุมทรปราการมายังศาลฎีกาฯ ในเช้านี้ เพื่อให้กำลังใจอดีตนายกรัฐมนตรี
“ผมมาให้กำลังใจ นายกยิ่งลักษณ์ เรื่องการตัดสินไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันเหมือนกับหมากฮอส มีสีเหลือง-สีแดงสู้กัน แต่ คสช. เข้ามาจะกินทั้งสองฝ่าย เข้ามายึดอำนาจ และร่างรัฐธรรมนูญ เชื่อว่า หากตัดสินว่า ยิ่งลักษณ์มีความผิด ก็จะเป็นขาลงของ คสช.” นายบุญเจิดกล่าว
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้อง คดีจำนำข้าวฯ หรือ คดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต และปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว เลขคดี อม.22/2558 ที่เป็นการฟ้องร้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ ความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ซึ่งหากผิดจริงจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ในปี 2558 และเปลี่ยนเป็นคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ในภายหลัง เพื่อเรียกค่าเงินชดเชยจากผู้กระทำผิด ซึ่งต่อมาคณะกรรมการฯ ได้เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายกรัฐมนตรีเรียกค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าประเมินความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่ 178,586 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ในเดือนตุลาคม 2559 กระทรวงการคลังได้ประเมินความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าวเสร็จสิ้น และได้ส่งหนังสือเตือนการยึดทรัพย์ให้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้นำเรื่องการยึดทรัพย์ฟ้องต่อศาลปกครอง ให้เพิกถอนคำสั่งยึดทรัพย์ พร้อมขอให้ศาลคุ้มครองทุเลาการยึดทรัพย์ อย่างไรก็ตามในวันที่ 10 เมษายน 2560 ศาลปกครองมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการยึดทรัพย์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และในวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า บัญชีเงินฝากของตนเองถูกอายัด และถูกนำเงินออกจากบัญชีไปแล้วบางส่วน