ศาลฎีกาจำคุก 6 แกนนำพันธมิตร ยึดทำเนียบฯ ปี 51

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2019.02.13
กรุงเทพฯ
190213-TH-PAD-sentence-1000.jpg พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ปลอบผู้ร่วมชุมนุมพันธมิตรฯ ไม่ให้เกรงกลัว หากทางการเข้ามาสลายผู้ชุมนุมประท้วงที่ยึดทำเนียบรัฐบาล วันที่ 28 สิงหาคม 2551
เบนาร์นิวส์

ในวันพุธนี้ ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนให้จำคุก 6 แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นเวลา 8 เดือน จากการนำผู้ร่วมชุมนุมบุกทำเนียบรัฐบาลขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช ปี 2551 โดยแกนนำระบุว่ามีความภูมิใจที่ได้ทำงานเพื่อประเทศชาติ และขอน้อมรับคำตัดสินของศาล

ในคดีนี้ อัยการฝ่ายคดีอาญา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 83 ปี นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปี นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปี นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปี นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปี จำเลยที่ 1-5 ในฐานะที่เป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และนายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปี ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน หรือกลุ่มการเมืองสีเขียว และอดีตผู้ประสานงาน พธม. เป็นจำเลยที่ 6 ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุก โดยกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ กรณีบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 358, 362 และ 365 ซึ่งจำเลยทั้งหก ให้การปฏิเสธ

ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไปเมื่อปี 58 ให้จำคุกจำเลยทั้ง 6 คน คนละ 2 ปี ต่อมาจำเลยทั้งหมดได้ยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษให้เหลือเพียงจำคุกคนละ 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งจำเลยทั้งหมดได้ยื่นฎีกา และศาลฎีกามีคำพิพากษาโทษจำคุกทั้งหมดในวันนี้

ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้ออกนั่งบัลลังก์ และอ่านคำพิพากษาว่า ศาลได้พิจารณาฎีกาของจำเลยทั้ง 6 แล้ว เห็นว่าไม่ได้เป็นการชุมนุมโดยสงบตามที่จำเลยอ้าง เพราะพฤติการณ์ของจำเลยและผู้ชุมนุม ได้ปีนรั้วเข้าทำเนียบรัฐบาลที่ล็อกไว้ และอยู่ต่อเนื่อง ทำลายทรัพย์สินเสียหาย ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งหกฐานร่วมกันบุกรุกทำให้เสียทรัพย์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้ง 6 ฟังไม่ขึ้น

“ส่วนที่จำเลยทั้ง 6 ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษนั้น ศาลเห็นว่าเมื่อการกระทำของจำเลยทั้งหกและพวก ได้บุกเข้าทำเนียบ ซึ่งแม้เป็นสาธารณสมบัติ แต่ก็เป็นสถานที่บริหารราชการแผ่นดิน เป็นศูนย์รวมหน่วยงานราชการหลายแห่ง มีการทำลายทรัพย์สินหลายรายการ ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งหกเป็นเวลา 8 เดือน ไม่รอลงอาญานั้นเหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน” คำพิพากษา ระบุ

ในวันนี้ ศาลได้เบิกตัว นายสนธิ ลิ้มทองกุล จำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ระหว่างการรับโทษในคดีทำเอกสารรายงานการประชุมเท็จค้ำประกันกู้เงินธนาคารกรุงไทยกว่าพันล้าน มาจากเรือนจำกลางคลองเปรม ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาล โดยมีผู้สนับสนุนและญาติเดินทางมาให้กำลังใจเต็มห้องพิจารณาคดี และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวจำเลยทั้ง 6 คน ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อรับโทษตามคำพิพากษาต่อไป

ผู้ร่วมชุมนุมพันธมิตรฯ หลายพันคนชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลเพื่อประท้วงและกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง วันที่ 28 สิงหาคม 2551 (เบนาร์นิวส์)
ผู้ร่วมชุมนุมพันธมิตรฯ หลายพันคนชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลเพื่อประท้วงและกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง วันที่ 28 สิงหาคม 2551 (เบนาร์นิวส์)

แกนนำไม่เสียใจ

ด้าน สุริยะใส กตะศิลา หนึ่งในจำนวนผู้ต้องขังตามคำพิพากษา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว ขอบคุณกำลังใจจากผู้สนับสนุน ทั้งจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ กลุ่มมวลมหาประชาชน ระบุว่า พวกเราทำดีที่สุดแล้ว อย่าหมดศรัทธา อย่าสิ้นหวัง ประเทศยังต้องการกำลังของแผ่นดินแบบพวกเราอยู่เสมอ

“ผมไม่เสียใจ แค่เสียดาย ว่าไม่ได้อยู่ร่วมภารกิจเพื่อชาติบ้านเมืองกับพี่น้อง ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองยังไม่ปลอดภัยดีนัก และประชาธิปไตยยังถูกบิดเบือนอยู่ พวกเราต้องช่วยกันต่อไป ขอให้พี่น้องทั้งพันธมิตรฯ และมวลมหาประชาชน เดินหน้ารักษาบ้านเมืองช่วยกันต่อไปครับ” ข้อความของ นายสุริยะใส ระบุ

ด้าน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการฟังคำพิพากษาว่า น้อมรับคำพิพากษาไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม

“ผมยอมรับอยู่แล้ว ผมมีความเต็มใจและภูมิใจอย่างมาก ที่ได้ต่อสู้เพื่อชาติ และราชบัลลังก์ ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาแนวไหน ผมยอมรับได้หมด... ผมเคยถูกจับหลายครั้ง แต่ไม่เคยหวั่นเกรงอะไร เพราะผมเชื่อว่าผมทำงานเพื่อชาติและราชบัลลังก์” นายสมเกียรติ กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนเข้าฟังคำพิพากษา

ในปี 2551 กลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีนายสินธิ ลิ้มทองกุล และจำเลยดังกล่าว เป็นแกนนำ ได้จัดปราศรัยชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อกดดันให้ นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปทำเนียบรัฐบาลและกระจายกำลังปิดล้อมสถานที่ราชการหลายแห่ง เช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียง กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ

แม้ว่าต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งการเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว และพรรคพลังประชาชน ในขณะนั้นได้แต่งตั้งให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน แต่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจ นำกำลังผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาลทุกด้าน ใช้เครื่องมือทำลายกุญแจประตูทำเนียบ และทำลายแผงกั้นที่เจ้าหน้าที่ใช้ควบคุมดูแลความสงบในทำเนียบ โดยบุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล และทำลายข้าวของสาธารณสมบัติในทำเนียบรัฐบาลเสียหายหลายล้านบาท

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง