ศาลรับฟ้องคดี “เปรมชัย” ครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย
2018.05.01
กรุงเทพฯ

ในวันอังคารนี้ นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ถูกกล่าวหาในคดีล่าสัตว์ในเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่า ได้เดินทางไปยังศาลอาญา รัชดาภิเษก เพื่อสอบคำให้การในคดีครอบครองอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย ซึ่งนายเปรมชัย ปฏิเสธข้อกล่าวหาและขอสู้คดีในชั้นศาล ก่อนได้รับการประกันตัวด้วยวงเงินสองแสนบาท
โดยเมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมานี้ พนักงานอัยการคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเปรมชัย ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ในความผิดฐานมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต สืบเนื่องมาจากการค้นบ้านนายเปรมชัย เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ นี้ ภายหลังจากที่นายเปรมชัย ถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นรศวร ในอำเภอทองผาภูมิ กาญจนบุรี ควบคุมตัวนายเปรมชัยและพวกอีกสามราย เพื่อเข้าแจ้งความต่อตำรวจ ในก่อนหน้านั้น
นายเปรมชัย พร้อมทนายความเดินทางมายังศาลอาญา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย และไม่ได้กล่าวอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนจะถูกนำตัวไปยังห้องเวรชี้ ซึ่งผู้พิพากษานั่งบัลลังก์อ่านคำอธิบายฟ้องให้นายเปรมชัยฟัง และถามว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ
“เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 จำเลยกระทำผิดกฎหมายด้วยการมีอาวุธปืนยาวไรเฟิลจำนวน 3 กระบอก และปืนแก๊บ 1 กระบอก ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายในบ้านพักเลขที่ 12/3 ซ.ศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.” ตอนหนึ่งของคำฟ้องระบุ
นายเปรมชัย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและขอสู้คดี ศาลจึงได้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 25 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ หลังจากนั้น ทนายความของนายเปรมชัย ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 200,000 บาท ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีเงื่อนไข
หลังจากได้ประกัน นายเปรมชัย และทีมทนายความ เดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
สำหรับคดีครอบครองอาวุธปืนนี้ เป็นหนึ่งในสองคดี ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 มีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย โดยก่อนหน้านี้พนักงานอัยการสั่งฟ้องนายเปรมชัยกับภรรยา และพวกอีก 1 ราย ในความผิดฐานครอบครองงาช้างอาฟริกา 2 คู่ โดยผิดกฎหมาย ซึ่งศาลนัดสอบคำให้การคดีงาช้างวันที่ 7 พฤษภาคม นี้
อัยการภาค 7 ส่งสำนวนฟ้องคดีฆ่าเสือดำ 6 ข้อหา
เมื่อวานนี้ (30 เมษายน 2561) อธิบดีอัยการภาค 7 ได้แถลงมติของอัยการสูงสุดว่า มีความเห็นให้สั่งฟ้องนายเปรมชัย ทั้งหมด 6 ข้อหา ในคดีล่าเสือดำ พร้อมเรียกค่าเสียหายทางคดีอาญาเป็นเงิน 3 ล้านบาท ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ
สำหรับคำสั่งฟ้องทั้ง 6 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันพกพาอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย และร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
“คดีที่สั่งฟ้องมีโทษสูงสุดถึง 10 ปี ในคดีเก็บหาของป่า และพรบ.อาวุธปืน ส่วนล่าสัตว์ป่ามีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 50,000 บาท” นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 แถลงต่อสื่อมวลชน