ประเทศไทย: ประชาชนถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชไว้ทุกข์หนึ่งปี
2016.10.14
กรุงเทพฯ

ในวันศุกร์ (14 ตุลาคม 2559) นี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นองค์ประธานในพระราชพิธีสรงน้ำพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยสำนักพระราชวังได้จัดให้เคลื่อนขบวนออกจากโรงพยาบาลศิริราชในช่วงบ่าย แล้วประกอบพระราชพิธีสรงน้ำพระบรมศพเวลาถัดมา
พิธีเคลื่อนพระบรมศพออกจากโรงพยาบาลศิริราชเริ่มขึ้นในเวลา 15.00 น.ทางประตู 8 จากนั้นเลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่สะพานอรุณอัมรินทร์ ผ่านสะพานพระปิ่นเกล้า และเคลื่อนสู่พระบรมมหาราชวัง โดยตลอดเส้นทางเคลื่อนพระบรมศพมีประชาชนจำนวนมากเฝ้ารอส่งเสด็จ โดยมีประชาชนบางส่วนถึงกับร้องไห้ทันทีที่ขบวนพระบรมศพเคลื่อนผ่าน
เมื่อขบวนพระบรมศพถึงพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในฐานะองค์ประธานเสด็จ เข้าประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี เทียบรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูกำแพงแก้ว พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้นเสด็จขึ้นทางบันไดพระที่นั่งพิมานรัตยา เสด็จเข้าในพระฉากซึ่งพระบรมศพบรรทมอยู่บนพระแท่น
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระบรมศพ บูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยกราบถวายบังคมพระบรมศพ ทรงรับหม้อน้ำพระสุคนธ์ โถน้ำขมิ้น และโถน้ำอบไทยจากเจ้าพนักงานสนมพลเรือนถวายสรงที่พระอุระพระบรมศพ ทรงหวีพระเจ้าขึ้นครั้งหนึ่ง หวีลงอีกครั้งหนึ่ง แล้วหวีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วหักพระสางนั้น วางไว้ในพานซึ่งเจ้าพนักงานเชิญอยู่ เสด็จฯไปประทับพระราชอาสน์ที่นอกพระฉาก
เลขาธิการสำนักพระราชวัง กราบบังคมทูลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเข้าไปทรงวางซองพระศรี บรรจุดอกบัวและธูปเทียน ทรงรับแผ่นทองคำจำหลักลายปิดพระพักตร์ ทรงรับพระชฎาห้ายอดเจ้าพนักงาน วางข้างพระเศียร ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 10 นายเชิญหีบพระบรมศพ มีตำรวจหลวงนำ 4 นายไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯตามพระบรมศพ ทรงยืนที่หน้าพระราชอาสน์ เสด็จฯไปทรงวางพวงมาลาที่หน้าพระโกศพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคม จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระมหาเศวตฉัตร
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ทรงทอดผ้าไตร 10 ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ หลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา พร้อมถวายพระพรลาออกจากพระที่นั่ง แล้วเจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์เที่ยวละ 10 รูป ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ เสด็จทอดผ้าไตร ทำจนครบ 100 รูป เสด็จฯไปหน้าพระโกศพระบรมศพ ทรงกราบกรถวายความเคารพของผู้มาเฝ้า เสด็จออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทลงทางบันไดมุขกระสัน ด้านทิศเหนือ และเสด็จฯกลับ
ชาวไทยมุสลิมแสดงความจงรักภักดี
ด้าน นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล อาจารย์ประจำสถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และบุตรของจุฬาราชมนตรีเปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า สำนักจุฬาราชมนตรีออกประกาศเรื่องแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลามต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ แล้ว
"ขอเชิญพี่น้องชาวไทยมุสลิมร่วมน้อมถวายอาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามแนวทางปฏิบัติที่บทบัญญัติศาสนาอิสามอนุญาต 1. ข้าราชการและประชาชนทั่วไปให้แต่งกายสุภาพ แบบธรรมดาทั่วไปที่ไม่ฉูดฉาด 2. อ่านคำถวายอาลัยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อพสกนิกรมุสลิมในเวลาก่อนละหมาดวันศุกร์ 3. นำเสนอคุตบะ(ธรรมกถา)วันศุกร์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ 4. จัดกิจกรรมนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศาสนาอิสลาม และ 5. เจริญรอยตามพระยุคลบาทสืบสานพระราชปณิธาน เพื่อให้นำมาซึ่งความพูนสุขและความเจริญรุ่งเรืองของราชอาณาจักรไทย" นายซากีย์กล่าว
นายเจะอิสมะแอ เจะฆูมูดอ ครูสอนศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เปิดเผยว่า ชาวมุสลิมรู้สึกเสียใจต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เช่นเดียวกับชาวไทยซึ่งนับถือศาสนาอื่นๆ
"คนอิสลามเสียใจมากถือเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญ คนอิสลามมีความจงรักภักดีต่อพระองค์มีวิธีแสดงออกอย่างสุดใจ ในอิสลามกำหนดไว้อาลัยผู้ตาย บังคับเฉพาะสตรีเท่านั้น โดยการเว้นการแต่งกายที่ฉูดฉาดห้ามใส่เครื่องประดับและเครื่องหอมทุกชนิด การที่มุสลิมไปร่วมงานศพของเพื่อนต่างศาสนาให้แต่งกายตามแบบธรรมดาทั่วไป อย่าแต่งชุดดำ" นายเจะอิสมะแอกล่าว