ผู้ก่อความไม่สงบป่วนใต้วันครบรอบ 56 ปี บีอาร์เอ็น ตาย 1 บาดเจ็บ 11

นาซือเราะ
2016.03.14
นราธิวาส
TH-insurgent-620 เจ้าหน้าที่ยิงปะทะกับคนร้ายที่บริเวณสี่แยกมาสด้า หน้าโรงพยาบาลสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เมื่อคืนวันที่ 13 มี.ค. 2559
นาซือเราะ/เบนาร์นิวส์

ผู้ก่อความไม่สงบได้โจมตีเป้าหมายในหลายพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนใต้ ในวันครบรอบ 56 ปี ของขบวนการบีอาร์เอ็น ในวันอาทิตย์ต่อเนื่องมาจนถึงวันจันทร์ (14 มี.ค. 2559) นี้ เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่และพลเรือนได้รับบาดเจ็บรวม 11 ราย อาสาสมัครเสียชีวิตหนึ่งนาย

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าในวันจันทร์นี้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ กลุ่มคนร้ายต้องการโชว์ความสามารถ เนื่องจากครบรอบวันสถาปนาบีอาร์เอ็น และมีสมาชิกขบวนการก่อเหตุรุนแรงกลุ่มอื่นๆ ด้วยนอกจากกลุ่มบีอาร์เอ็น

"คนร้ายที่ก่อเหตุต่อเนื่อง 6-7 จุด เป็นยุทธศาสตร์ของคนร้าย ซึ่งกลุ่มคนร้ายไม่ได้มีเฉพาะกลุ่ม BRN เท่านั้น แต่มีหลายกลุ่ม" พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้โจมตีเป้าหมายทางทหาร และเป้าหมายบุคคลพลเรือนในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดยะลา โดยเกิดเหตุตั้งแต่เวลา 15:55 น. ของวันอาทิตย์ เป็นเหตุแรก ซึ่งคนร้ายจำนวน 4 คน มีรถจักรยานยนต์ 2 คัน เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม-79 ยิงใส่ฐานปฎิบัติการของตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ

จากนั้นในเวลา 16.40 น. ได้เกิดการปะทะครั้งใหญ่ โดยคนร้ายลอบวางระเบิด และ ซุ่มโจมตีฐานปฏิบัติการของกองร้อยทหารพรานที่ 4816  หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48  เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ จนคนร้ายได้ถอยร่นไปซ่อนตัวในโรงพยาบาลเจาะไอร้องที่อยู่ติดกัน ส่วนทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถกระบะหุ้มเกราะเป็นกำบังยิงต่อสู้กับคนร้ายเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่คนร้ายถอนตัวขึ้นภูเขาทางด้านหลังโรงพยาบาล พบปลอกกระสุนปืนอาก้าและปืนกลเอ็ม-60 ตกอยู่หลายร้อยปลอก

พันเอกพสิษฐ์ ชาญเลขา ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 46 กล่าวว่า มีแกนนำขบวนการก่อความไม่สงบ ที่อยู่ในพื้นที่อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส สองรายที่ควบคุมการปฏิบัติการ

"คนร้ายชื่อนายลุกมาน ลาเต๊ะบือริง และนายซือดี ปูเต๊ะ เป็นสองเป็นแกนนำหลักในการควบคุมกำลังมาก่อเหตุ ในพื้นที่อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ทั้ง 3 จุด เมื่อวานที่ผ่านมา โดยมีสมาชิกกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่เป็นคนดูต้นทาง" พ.อ.พสิษฐ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ในเหตุการณ์โจมตีฐานปฏิบัติการของกองร้อยทหารพรานที่ 4816 ในเบื้องต้นมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ 7 นาย คือ 1. ส.อ.สิริวัฒน์ นวลทอง 2. ส.ท.ธีรศักดิ์ รัตนอุบล 3. อส.ทพ.ณรงค์ชัย สังข์สิงห์ 4. อส.ทพ.วุฒิไกร เดชบุญ 5. อส.ทพ.รุ่งอโณทัย เพ็ชร์วงศ์ 6. อส.ทพ.สาธิต ไชยบุญตา และ 7. อส.ทพ.มะเพรู หะยีลาเด็ง ถูกนำส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชครินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส

นางอรวรรณ นามขัน พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งกำลังท้องหกเดือน ได้กล่าวยืนยันแก่เบนาร์นิวส์ว่า มีคนร้ายบุกเข้ามาในโรงพยาบาลประมาณสิบคน และใช้ปืนยิงไปทางฐานทหารพรานก่อนหลบหนีไป

พันเอกยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวในวันนี้ว่า ทหารไม่ได้ยิงโต้ตอบต่อเป้าหมายที่ซ่อนในโรงพยาบาล

เหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่อื่นๆ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 4 ราย

นอกจากเหตุการณ์ทั้งสองแล้ว คนร้ายยังได้ใช้อาวุธปืนหรือระเบิดโจมตีเจ้าหน้าที่และประชาชน ในพื้นที่ในหลายอำเภอของจังหวัดนราธิวาส เช่น อำเภอเมือง อำเภอสุไหงปาดี และอำเภอตากใบ ส่วนในจังหวัดยะลา เกิดเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในอำเภอเมือง อำเภอยะหา และอำเภอธารโต เป็นเหตุให้มีอาสาสมัครรักษาดินแดนเสียชีวิต 1 ราย และ ผู้บาดเจ็บอีก 4 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร อาสาสมัครรักษาดินแดน และราษฎร

ในตอนค่ำของวันอาทิตย์ คนร้ายได้ลอบวางระเบิดที่ริมถนนบ้านจือแร หมู่ที่ 1 ตำบลริโก๋ อำเภอสุไหงปาดี ทำให้นางสาวนูรยันนี หะยีเจ๊ะมู ได้รับบาดเจ็บ

ส่วนในวันจันทร์ เวลา 07:00 น. คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 31 บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านตะเหลียง หมู่ที่ 4 ตำบลเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ขณะลาดตระเวนเส้นทาง ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ จ.อ.ไกรศร คูนทรัพย์ และพลทหารวันเฉลิม ภู่บุญมี ถูกนำส่งโรงพยาบาลตากใบ จังหวัดนราธิวาส

ถัดมา เมื่อเวลา  07.20 น. คนร้ายยิงอาสาสมัครรักษาดินแดนยะลา บริเวณ ริม ถนนสาย 42 บ้านบาโง หมู่ที่ 11 ตำบลลําภู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ทำให้อาสาสมัครเจ๊ะกามาน รอยาลี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

และเมื่อเวลา 08.08 น. คนร้ายลอบวางระเบิด บริเวณหมู่ที่ 1 ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ทำให้อาสาสมัครรักษาดินแดนบาดเจ็บ 1 นาย

กลุ่มสตรีและกลุ่มสิทธิมนุษยชน ประณามการบุกรุกเข้าไปในโรงพยาบาล

นางอรวรรณ นามขัน พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งกำลังท้องหกเดือน กล่าวว่า ตนได้ถูกคนร้ายที่หนีเข้าไปในโรงพยาบาลมัดมือไขว้หลัง แต่โชคดีที่ตนเองไม่ได้โวยวาย จึงรอดตัวมาได้

"คนร้ายเข้ามาในโรงพยาบาลสิบคน เขาได้เข้ามาหาแล้วบอกให้อยู่นิ่ง พร้อมกับมัดมือไขว้หลัง แล้วให้นั่งบนเก้าอี้ที่เดิม ถือว่าโชคดีที่มีสติดี ไม่ได้โวยวาย ถ้าโวยวายก็ไม่รู้จะโดนยังไง ตอนนั้นคิดว่าต้องตายแน่นอน” นางอรวรรณ กล่าว

นางอรวรรณ กล่าวต่อไปว่า “เขาใช้อาวุธสงครามกราดที่ถือเข้ามากราดยิงออกไปข้างนอก หันไปทางฐานทหารพราน ซึ่งตั้งอยู่ติดกับรั้วโรงพยาบาล เขายิงประมาณ 20 นาที เขาก็ล่าถอยไป เคยคิดว่าในโรงพยาบาลเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุด แต่ตอนนี้ ไม่แน่ใจแล้ว อยากให้เจ้าหน้าที่วางกรอบรักษาความปลอดภัยในโรงพยาบาลให้ดีกว่านี้ เพราะว่าเจ้าหน้าที่ พยาบาล ทุกคนรักษาผู้ป่วยโดยไม่คิดว่าเป็นคนร้ายหรือใคร เรารักษาทุกคน"

นางคอรีเยาะ หะหลี ผู้สูญเสียจากเหตุการณ์กรือเซะ ออกแถลงการณ์ประนามคนร้ายว่า ในนามกลุ่มสตรีภาคผู้สูญเสียจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนใต้ ได้ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุรุนแรง ในโรงพยาบาลเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควรและไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง

"โรงพยาบาลไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร จะฝ่ายไหนก็ตาม ต้องอยู่เหนือความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น การที่มีคนร้ายบุกไปทำลายเข้าของนั้น ต้องถือว่าได้ทำการละเมิดอย่างร้ายแรง ไม่สามารถให้อภัยกันได้" นางคอรีเยาะ กล่าวแก่เนนาร์นิวส์

“การกระทำเช่นนี้ ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อที่สากลเขาใช้กัน แต่เป็นการแสดงออกถึงความป่าเถื่อน สร้างความหวาดระแวง ทำให้คนไข้เสียขวัญ และท้าทายอำนาจรัฐอย่างร้ายแรง จึงขอประนามการกระทำที่ไม่เกรงกลัวกฏหมาย ไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น ทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเสียขวัญกำลังใจ” นางคอรีเยาะกล่าว

พันเอกยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของกลุ่มคนร้ายที่มุ่งสร้างสถานการณ์และความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยเฉพาะกรณีคนร้ายได้เข้าไปหลบซ่อนตัวในโรงพยาบาลโดยใช้ ผู้ป่วย แพทย์ พยาบาล และ ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นโล่กำบังในการกระทำความผิดของตน

"กลุ่มผู้ก่อเหตุทราบดีว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ยิงตอบโต้เข้าไปในโรงพยาบาลอย่างแน่นอน การเข้าไปหลบซ่อนตัวของคนร้ายในโรงพยาบาลนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรพึงกระทำเป็นอย่างยิ่ง” พันเอกยุทธนาม กล่าว

พลโทวิวรรธน์ ปฐมภาคย์  แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในพื้นที่เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติบริเวณด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดให้มากขึ้น พร้อมเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกระบวนการทางกฎหมาย

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง