ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก 2 ปี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ และปริญญา นาคฉัตรีย์ อดีต กกต.

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2016.06.03
กรุงเทพฯ
TH-election-1000 นายปริญญา นาคฉัตรีย์ อดีต กกต. ในการเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันที่ 3 มิถุนายน 2559
เบนาร์นิวส์

ศาลฎีกา พิพากษายืนจำคุก พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ และนายปริญญา นาคฉัตรีย์ คณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นเวลาคนละสองปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 เมื่อ ปี 2549

โดยในวันศุกร์ (3 มิถุนายน 2559) นี้ ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ศาลฎีกา ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่ อ.1464/2549

ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ จำเลยที่ 1 นายปริญญา นาคฉัตรีย์ จำเลยที่ 2 และนายวีระชัย แนวบุญเนียร จำเลยที่ 3 (เสียชีวิตแล้ว) หลังจากศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาจำคุกคนละสองปี ในก่อนหน้านั้น

โดยนายสุเทพ ได้กล่าวหาว่า ทั้งหมดทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในขณะนั้น ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พระราชบัญญัติคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 กรณีที่ไม่เร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ข้อร้องเรียนกล่าวหาพรรคไทยรักไทย ว่าจ้างพรรคแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทย ลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน 2549

ความล่าช้าในการสอบสวนดังกล่าว เป็นเหตุให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ในขณะนั้น สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

ส่วนหนึ่งของคำพิพากษากล่าวว่า “... ศาลเห็นว่า จำเลยไม่สั่งการให้ดำเนินการกับพรรคไทยรักไทย แต่ก่อนหน้า กลับสั่งให้วินิจฉัยสอบสวนพรรคไทยรักไทยเพิ่มเติม กระทั่งเมื่อมีการเลือกตั้ง วันที่ 2 เมษายน 2549 แล้วจำเลยได้ประกาศผลเลือกตั้งอย่างเร่งรีบ มีผลให้ทางพรรคไทยรักไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ขณะที่จำเลยสั่งดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ กกต. และพรรคเล็กทันที จึงเป็นการเลือกปฏิบัติ”

“จำเลยที่ 1 เป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง ย่อมแจ้งต่ออัยการสูงสุด เพื่อให้พิจารณาส่งสำนวนให้ศาลยุบพรรคไทยรักไทยได้ การประชุมของจำเลยและลงมติให้สอบสวนเพิ่มเติม จนเวลาล่วงเลยถึงการเลือกตั้ง จึงเป็นคุณต่อพรรคไทยรักไทย ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกระทำที่ไม่สุจริต ซึ่งเป็นความผิดว่าด้วย พ.ร.บ.กกต. พ.ศ. 2541 มาตรา 24 และ 42 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามา จึงไม่เกินคำขอ ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น ดังนั้น ศาลฎีกาจึงตัดสินลงโทษจำเลยทั้งสองคนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกจำเลยทั้งสอง คนละ 2 ปี พร้อมกับเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี” อีกส่วนหนึ่งของคำพิพากษากล่าวไว้

โดยหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการอ่านคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัว พล.ต.อ.วาสนา และนายปริญญา ขึ้นรถไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ถูกถอดยศ) อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้ประกาศยุบสภาในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 เพื่อหลีกเลี่ยงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อพรรคชนะการเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 2 เมษายน ปีเดียวกัน ได้กลับเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่สอง

แต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกเดินขบวนต่อต้านโดยกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาชน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลที่คอร์รัปชัน การมีประโยชน์ทับซ้อน และเป็นเผด็จการทางรัฐสภา จนท้ายที่สุด ในวันที่ 19 กันยายน 2549 ได้ถูกพลเอกสนธิ บุญรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นยึดอำนาจ จนกระทั่งต้องหนีไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศจนถึงปัจจุบัน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง