ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560

ในวันพฤหัสบดี (6 เมษายน 2560) นี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต ทรงลงพระปรมาภิไธยบนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชทานแก่นายกรัฐมนตรีเพื่อประกาศใช้แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงขั้นตอนสู่การเลือกตั้งในภายหลังว่า จะมีขึ้นได้ในเวลาไม่เกิน 19 เดือน

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงโปรดเกล้าฯให้พระราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เชิญรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว พระราชทานแก่นายกรัฐมนตรี เจ้าพนักงานอาลักษณ์ กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประทับพระราชลัญจกรแล้วเชิญไปประดิษฐานบนพานทองที่เสาบัวหน้ามหาสมาคม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อ่านกระแสพระราชปรารภประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 โดยมีเนื้อความตอนหนึ่งว่า

“มีพระราชโองการดำรัส เหนือเกล้าฯให้ตรารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับนี้ขึ้น ไว้ให้ใช้แทนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ซึ่งได้ตราไว้ ณ วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ตั้งแต่วันประกาศนี้เป็นต้นไป ขอปวงชนชาวไทยจงมีความสมัครสโมสรเป็นเอกฉันท์ในอันที่จะปฎิบัติตาม และพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้ เพื่อธำรงคงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย และอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย”

นายกรัฐมนตรี: ยังไม่สามารถระบุวันเลือกตั้งได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแถลงผ่านโทรทัศน์หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 20 นับตั้งแต่การเปลี่ยนระบอบการปกครอง เมื่อ พ.ศ. 2475 ว่า  ยังไม่สามารถจะระบุวันเลือกตั้งที่ชัดเจนได้ แต่ตามกระบวนการแล้ว การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในเวลา 19 เดือน

“นับจากวันนี้ไปจะเป็นการเริ่มต้นเหตุการณ์ต่างๆ ได้แก่ การที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับ ให้เสร็จภายใน 8 เดือน แต่ละฉบับเสนอให้ สนช.พิจารณา ซึ่งต้องให้เสร็จภายใน 2 เดือน หากมีการแก้ไขเพิ่มเติม ก็จะใช้เวลาเพิ่มอีก 1 เดือน ต่อจากนั้นจึงนำทูลเกล้าถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยบังคับใช้เป็นกฎหมายภายใน 90 วัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

“เมื่อประกาศใช้กฎหมาย 4 ฉบับแรก เฉพาะที่จำเป็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งครบถ้วนแล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาของการเลือกตั้ง อันประกอบด้วยการสมัครรับเลือกตั้ง การรณรงค์หาเสียง และการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งต้องทำให้เสร็จภายใน 5 เดือนนับจากวันประกาศกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งครบ 4 ฉบับ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

“รัฐบาลไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าวันเลือกตั้งจะเป็นเมื่อใด เพราะยังไม่อาจกำหนดวันเริ่มต้นของแต่ละเหตุการณ์ได้ บัดนี้เราทราบเพียงวันเริ่มต้นนับหนึ่งของเหตุการณ์แรก คือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ต่อจากนั้นเหตุการณ์อื่นๆ ก็จะขับเคลื่อนเลื่อนไหลไปตามลำดับ” นายกรัฐมนตรีระบุ

คาดการณ์วันเลือกตั้ง

นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า หากพิจารณาตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ อย่างช้าที่สุดจะมีการเลือกตั้งจะสามารถจัดขึ้นได้ในเดือนกันยายน ปี 2561 แต่เชื่อว่า กรธ. สามารถเร่งให้เกิดการเลือกตั้งเร็วกว่าเงื่อนไขดังกล่าวได้

“หากจะให้มีการเลือกตั้งเร็วกว่าเดือนกันยายนก็สามารถทำได้ เพียงแค่ กรธ. ส่งร่าง พ.ร.บ.จำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ให้สนช. โดยไม่ต้องรอให้ครบ 8 เดือน ซึ่งคาดว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนมกราคมปี 2561 ทั้งนี้ ถ้า กรธ.ส่งแค่ 3 ฉบับ ไม่ส่ง 1 ฉบับ การเลือกตั้งจะอยู่ที่กันยายนปี 2561” นายปริญญากล่าว

ตามมาตรา 267 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กำหนดให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จัดทำพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายใน 240 วันจากนั้นให้ กรธ. ส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวแก่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)พิจารณาให้แล้วในระยะเวลา 60 วัน หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่า ร่างพ.ร.บ.ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญ ให้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมพิจารณาให้แล้วเสร็จใน 10 วัน จากนั้นส่งกลับยัง สนช. 15 วัน ถ้า สนช. เห็นชอบจะเข้าสู่ชั้นทูลเกล้าฯ กรอบเวลา 120 วัน และจะใช้เวลาจัดการเลือกตั้ง 5 เดือน

อย่างไรก็ตาม นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุ การเลือกตั้งจะมีขึ้นช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความพร้อมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และพรรคการเมือง โดยปัจจุบัน กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญยังไม่แล้วเสร็จ 2 ฉบับ ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ จึงทำให้เชื่อว่า การเลือกตั้งจะไม่สามารถจัดขึ้นให้ทันปลายปี 2560 นี้

“เอาเข้าจริงมันจะเร็วได้อย่างนั้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะสามารถแน่ใจว่าทั้ง กกต. และพรรคการเมืองเขาจะพร้อมเมื่อไหร่ แล้วก็กฎหมายที่จะออกระหว่างทางมันจะมีปัญหาอะไรบ้างไหม ไม่มีใครคาดการณ์ได้ล่วงหน้า นอกจากจะถึงเวลาที่มันทำจริง แล้วมีอะไรก็แก้กันไป”  นายมีชัยกล่าว