ศาลปฎิเสธการยื่นขอประกันไผ่ ดาวดิน ครั้งที่ 10 คดีแชร์ข่าวบีบีซี

ในวันจันทร์ (8 พฤษภาคม 2560) นี้ นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดาของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ไผ่ ดาวดิน) นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่อีสานเปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า ศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำสั่งยกคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราว ในคดีที่นายจตุภัทร์เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์(พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ) จากการเผยแพร่รายงานข่าวของสำนักข่าวบีบีซีไทย (BBC Thai) เรื่อง “พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย” บนหน้าเฟซบุ๊คส่วนตัว

“ยื่นประกันตอน 11 โมงครึ่ง เหตุผลที่ยื่นขอประกัน คือไผ่เขายังไม่จบการศึกษา ต้องสอบคอมพิวเตอร์ภาคปฎิบัติ เรื่องของการได้รับรางวัลกวางจู และที่สำคัญเขาควรจะได้รับสิทธิประกันตรงนี้ เพื่อสู้คดี และไผ่ก็ไม่มีท่าทีหลบหนี แต่ประมาณบ่ายโมงครึ่ง ศาลสั่งลงมาว่าไม่อนุญาตประกัน ยกคำร้องโดยอ้างว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลง แค่นั้นไม่มีเหตุผลอื่นเลย ถือว่ายื่นประกันครั้งที่ 10” นายวิบูลย์กล่าว

สำหรับคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุภัทร์ ในคดีดำที่ อ.301/2560 นายนรวัฒน์ สวยงาม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้น ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้มีคำสั่งยกคำร้อง โดยระบุเหตุผลกำกับหนังสือว่า “กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม”

ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 14 เมษายน 2560 มูลนิธิรำลึก 18 พฤษภาคม (May 18 Memorial Foundation) เจ้าของรางวัล “กวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน” ที่ก่อตั้งขึ้นโดยเหยื่อของการปราบปรามการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่เมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ในปี 2523 ได้ประกาศมอบรางวัลกวางจูให้นายนายจตุภัทร์ และเชิญไปร่วมรับมอบรางวัลที่ประเทศเกาหลีในวันที่ 18 พฤษภาคม 2560 ทำให้ครอบครัวและผู้ที่เกี่ยวนำเรื่องการรับรางวัลเป็นหนึ่งในเหตุผลยื่นขอปล่อยตัวนายจตุภัทร์ ซึ่งนายวิบูลย์ระบุว่า ตนเองและภรรยาอาจเดินทางไปรับรางวัลนี้แทนบุตรชาย

“ไผ่ก็พูดติดตลกว่า อยากไปรับรางวัลด้วยตัวเอง แล้วก็เรื่องคดีก็ให้ดิ้นกันต่อไป ถึงแม้ไปไม่ได้ ไผ่เขาก็เข้าใจอยู่ เรื่องรางวัลก็คงพ่อแม่ล่ะ เขาก็คงให้ตัวแทนไปรับ เรื่องคดีก็สู้กันไป ประกันเราก็ยื่นไป เผื่อศาลคิดอะไรได้” นายวิบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมถึงความรู้สึกของบุตรชาย

สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2560 นายจตุภัทร์ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่นหมายจับเลขที่ 433/2559 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2559 ซึ่งระบุว่า นายจตุภัทรกระทำความผิดที่อาจเข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หลังจากได้เผยแพร่รายงานข่าวของสำนักข่าวบีบีซีไทย (BBC Thai) เรื่อง “พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย” ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยการแจ้งความของ พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้าชุดปฎิบัติการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น (กกล.รส.จ.ขก) นำไปสู่การขออำนาจศาลฝากขัง และไม่เคยได้รับสิทธิปล่อยตัวกระทั่ง 10 กุมภาพันธ์ 2560 ศาลจังหวัดขอนแก่นได้พิจารณาคดีโดยลับ และรับฟ้องคดีดังกล่าวตามคำสั่งฟ้องของอัยการ และเพิ่มความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ด้วย ซึ่งนายจตุภัทร์ได้ให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา

การถูกดำเนินคดีครั้งนี้ทำให้ปัจจุบัน นายจุตภัทร์มีคดีที่ยังอยู่ในการพิจารณารวม 5 คดี ประกอบด้วย ความผิดการขัดขืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เลขที่ 3/2558, ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116, ความผิดเกี่ยวกับการรณรงค์การออกเสียงประชามติที่อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ และความผิดเกี่ยวกับการจัดงาน “พูดเพื่อเสรีภาพ” ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ด้านนายกฤษฎางค์ นุชจรัส ทนายความของนายจตุภัทร์ เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ผ่านโทรศัพท์ว่า สิ่งที่ทนายความจะดำเนินการต่อจากนี้คือ การรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้ให้การต่อศาลตามนัดในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2560 ที่จะถึงนี้ ซึ่งทางทนายความเชื่อว่า การกระทำของนายจตุภัทร์ไม่มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา

“ตอนนี้ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานสู้คดี แนวทางที่ดูกันอยู่เราวิเคราะห์กันว่า สิ่งที่ไผ่ทำไม่น่าจะผิดในข้อกฎหมาย ก็คงจะเป็นพวกนักวิชาการที่เกี่ยวกับกฎหมายคอมพิวเตอร์ มีนักประวัติศาสตร์หรือนักสังคมศาสตร์ที่รู้เกี่ยวกับเรื่องเนื้อหาที่ไผ่แชร์ อีกปากหนึ่งก็คงเป็นบีบีซี คงต้องขอให้เขามาเป็นพยาน แต่ก็ไม่รู้เขาจะยอมหรือเปล่า” นายกฤษฎางค์กล่าว

จากการรวบรวมสถิติของโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) พบว่า หลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีประชาชนถูกดำเนินคดีในความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้วอย่างน้อย 79 คน แต่มีผู้ได้รับการประกันตัวเพียง 18 คน โดยนายจตุภัทร์ถือเป็นประชาชนคนแรกที่ถูกฟ้องด้วยข้อหาหมิ่นเบื้องสูงในรัชสมัยของรัชกาลที่ 10 นี้