โป๊ปฟรานซิสขอความร่วมมือทุกศาสนาร่วมแก้ไขความขัดแย้ง
2019.11.22
กรุงเทพฯ

ในวันศุกร์นี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้เสด็จพบตัวแทนผู้นำศาสนาอื่นๆ และผู้นำชาวคริสต์นิกายอื่น โดยได้ประทานพระสมณดำรัส ขอให้ทุกศาสนาร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่มีในโลกยุคปัจจุบัน ทั้งยังได้ตรัสขอบพระคุณ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 คณะรัฐบาล และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ให้การต้อนรับพระองค์อย่างอบอุ่น
ในวันที่สามของการเสด็จเยือนประเทศไทย สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้เดินทางไปยัง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพบปะผู้นำศาสนาคริสต์ต่างนิกาย ผู้นำศาสนาต่างๆ เช่น พุทธ อิสลาม ซิกข์ พราหมณ์ นักบวช คริสตชน รวมทั้งนิสิตนักศึกษา และบุคลาการทางการศึกษา โดยได้ประทานพระสมณดำรัส ขอให้คนทุกศาสนาร่วมมือกันแก้ไขปัญหา
“ความขัดแย้งทางสังคม การอพยพย้ายถิ่นฐาน ผู้ลี้ภัย ความหิวโหย สงคราม รวมถึง ภาวะเสื่อมโทรมที่กำลังทำลายโลก ที่เป็นบ้านส่วนรวมของพวกเราทุกคน… ยุคนี้เป็นยุคที่ต้องกล้าจินตนาการถึงวิธีคิดใหม่ ที่ต้องหันหน้าเข้าหากัน และการสานเสวนาหารือกัน ทำงานร่วมกัน สำหรับการแก้ปัญหาความขัดแย้ง… สถาบันศาสนารวมถึงสถาบันการศึกษาทุกระดับ มหาวิทยาลัยสามารถมีส่วนร่วมและช่วยได้ โดยไม่ต้องละทิ้งพันธกิจหลักและความเชี่ยวชาญเฉพาะตนไป ทุกสิ่งที่เราทำเพื่อการดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญในการรับประกันสิทธิในอนาคตของอนุชนรุ่นหลัง ทั้งยังเป็นการธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมและสันติภาพ” สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ตรัส เมื่อตอนบ่าย
ทั้งนี้ ท่านยังได้ประทานพระวโรกาสให้ ผู้นำศาสนาเข้าเฝ้า ซึ่งประกอบด้วย ศาสนาพุทธ ผู้แทนมหาเถรสมาคม (มส.) สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และพระพรหมบัณฑิต กรรมการ มส. ศาสนาอิสลาม นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ศาสนาพราหมณ์ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ศาสนาซิกข์ นายปานชัย สิงห์สัจเทพ นายกสมาคมศรีคุรุสิงห์ และผู้แทนศาสนาคริสต์ต่างนิกาย
ในกาลนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ยังได้ตรัสรำลึกถึง ปี 2440 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนกรุงโรม และเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีประมุขของรัฐที่ไม่ใช่คริสตศาสนิกชนเยือนนครรัฐวาติกัน โดยได้ตรัสชื่นชมว่า ในหลวงรัชกาลที่ 5 เป็นผู้สร้างคุณูปการต่อประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลิกทาสด้วย
โดยก่อนการพบปะผู้นำศาสนานั้น เมื่อเวลา 10.00 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้เสด็จไปยังวัดนักบุญเปโตร อ.สามพราน จ.นครปฐม โดยได้ประทานพระวโรกาสให้ บาทหลวง นักบวชชาย-หญิง นักพรต สามเณร ผู้ฝึกหัด ครูคำสอน และคริสตชน เข้าเฝ้า ได้ประทานพระพรของอัครสาวกแก่ผู้มาเฝ้า ประทานของที่ระลึก เป็นรัศมีสำหรับตั้งศีลมหาสนิท โดยมี พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย เป็นผู้แทนรับมอบ
และเมื่อเวลา 17.00 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ทรงเสด็จประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ (มิสซา) สำหรับเยาวชน ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญบางรัก ซึ่งเป็นวัดคาทอลิก ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2352 และได้รับการสถาปนาเป็นอัครสังฆมณฑล กรุงเทพฯ เมื่อ ปี 2508 โดยตรัสขอบใจ ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเดินทางมาเยือนประเทศไทยครั้งนี้ของพระองค์
“พ่อขอขอบใจทุกคนที่ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการ เพื่อให้การมาเยี่ยมเยือนราชอาณาจักรไทยของพ่อในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี พ่อขอกล่าวขอบพระคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทั้งคณะรัฐบาล และผู้นำฝ่ายบริหารทั้งหลายของประเทศ สำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและอย่างดียิ่ง พ่อขอขอบใจจากก้นบึ้งของหัวใจของพ่อเองต่อบรรดาพี่น้องบิชอป บาทหลวง นักบวชชาย-หญิง นักพรต ฆราวาส และเป็นพิเศษสำหรับลูกๆ เยาวชนทั้งหลาย” สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ตรัส
ทั้งนี้ ในวันเสาร์เวลา 09.30 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฯ จะเสด็จไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 เพื่อทรงโดยสารเครื่องบินไปกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเยี่ยมคริสตชน โรมันคาทอลิก ในประเทศญี่ปุ่นต่อไป
สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้เสด็จเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2562 ตามคำเชิญของรัฐบาลไทย และสภาประมุขบาดหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย โดยเมื่อวานนี้ ได้เสด็จเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก และพบปะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมทั้งประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ (มิสซา) ที่สนามศุภชลาศัย
* สมชาย ขวัญกิจเสวต ในกรุงเทพฯ มีส่วนร่วมในรายงานฉบับนี้