โฆษกกองทัพเรือแจง ไม่พบเรือโดยสารชาวโรฮิงญา ใกล้เกาะอาดัง

ในวันศุกร์นี้ โฆษกกองทัพเรือไทย กล่าวว่า หน่วยลาดตระเวนของราชนาวีไทย ไม่พบเจอเรือของชาวโรฮิงญาที่ทางเจ้าหน้าที่มาเลเซียกล่าวอ้างว่า พบลอยลำใกล้เกาะอาดัง ทางภาคใต้ของไทย ขณะที่องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ไทยและมาเลเซีย ค้นหาเรือ และให้ความช่วยเหลือแก่เรือชาวโรฮิงญาที่ลอยลำราว 300 คน

พลเรือโท ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือและโฆษกกองทัพเรือ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ทางหน่วยในพื้นที่ของราชนาวีไทย ไม่ตรวจพบเรือของชาวโรฮิงญาที่ทางเจ้าหน้าที่มาเลเซียกล่าวอ้างแต่อย่างใด

"ตอนนี้ ทางกองทัพเรือ ยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าว แต่ก็ทราบข่าว (จากสื่อ) ว่า มีเรือโรฮิงญาอยู่ในน่านน้ำมาเลเซีย เท่าที่เราถามหน่วยเราไป หน่วยเราก็ลาดตระเวนในพื้นที่ ก็ยังไม่เห็น ที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้รับแจ้ง จากทางมาเลเซีย” พล.ร.ท.ประชาชาติ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“ถ้าเข้ามาในเขตของเรา เราจัดการตามหลักมนุษยธรรม แต่เราไม่เจอ กองทัพเรือ ยังไงก็ตาม ถ้าพบผู้ประสบภัย เราก็ให้ความช่วยเหลือในชั้นต้น ส่วนเรือลำนั้นจะประสงค์ไปที่ไหน ก็เรื่องของเขา นั่นคือการช่วยเหลือ เป็นหลักสากล” พล.ร.ท.ประชาชาติ กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายโมฮัด ซุบิล มะซัม ผู้อำนวยการหน่วยป้องกันน่านน้ำมาเลเซีย กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์ว่า มีเรืออีกลำหนึ่ง ที่มีผู้โดยสาร 269 คน ได้ขึ้นฝั่งที่เกาะลังกาวี มาเลเซีย วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน และถูกกักตัวไว้ที่นั่น

นายโมฮัด ซุบิล ยังกล่าวว่า ผู้อพยพทางเรือประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ บนเรือลำที่ทอดสมอที่เกาะลังกาวี ไม่สามารถเดินได้อย่างปกติ เพราะนั่งขดตัวอยู่ในเรือมานาน

ต่อมาเมื่อวันพุธ นายโมฮัด ซุบิล กล่าวกับเบนาร์นิวส์อีกว่า เรือลำดังกล่าวที่เกาะลังกาวี ของมาเลเซีย เป็นหนึ่งในสองลำ ที่เดินทางมาจาก ค็อกซ์บาซาร์ ประเทศบังกลาเทศ (ซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายผู้อพยพโรฮิงญาที่หนีออกจากพม่านับล้านคน) ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยเรือทั้งสองลอยลำในทะเลเป็นเวลาสี่เดือน และได้รับอาหารและเชื้อเพลิงจากเครือข่ายค้ามนุษย์ของเมียนมา และไทย

“ซึ่งเรือลำที่สองมีคนโดยสาร 300 คน อยู่ในน่านน้ำใกล้เกาะอาดัง” นายโมฮัด ซุบิล บอกเบนาร์นิวส์ ในวันพุธ

โดยก่อนหน้านี้ เรือลำนั้น “พยายามหลายครั้งที่จะเข้าน่านน้ำมาเลเซีย แต่ไม่สำเร็จ เพราะถูกตรวจจับโดยหน่วยลาดตระเวนของเรา” นายโมฮัด ซุบิล กล่าว

เรือถูกผลักดันกลับ

ในแถลงการณ์วันศุกร์นี้ องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ได้เรียกร้องให้มาเลเซีย และไทยค้นหาเรือโรฮิงญาลำที่สอง และจัดหาที่พักพิงแก่ผู้ที่อยู่บนเรือ

“มาเลเซียและไทยควรช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่ลอยลำอยู่ในทะเลอย่างเร่งด่วน พร้อมช่วยให้พวกเขาเข้าถึงสิทธิผู้ลี้ภัย” แถลงการณ์กล่าว

นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ภาคพื้นเอเชีย กล่าวว่า “รัฐบาลประเทศในเอเชียอาคเนย์ ผลักความรับผิดชอบในการให้ความคุ้มครองผู้อพยพชาวโรฮิงญาที่ต้องการที่พักพิงที่ปลอดภัยอย่างยิ่งยวด รวมทั้งต้องการมีอนาคต หลังจากที่ถูกทหารเมียนมาผลักดันออกจากบ้านเกิดด้วยการกระทำที่ทารุณ”

“ในขณะที่ เมียนมาต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความทุกข์ยากของผู้อพยพชาวโรฮิงญา มาเลเซียและไทย ควรเลิกปิดตา มองไม่เห็นความเสี่ยง และความทุกข์ทรมานที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ในทะเล” นายแบรด อดัมส์ กล่าวในแถลงการณ์

ฮิวแมนไรท์วอทช์ ยังเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศใช้แนวทางการรับผิดชอบเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย

“ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ มาตรการสาธารณสุขจะต้องเป็นไปตามมาตรการโดยคำนึงถึงความเสี่ยง ไม่มีการเลือกปฏิบัติ และอยู่บนพื้นฐานตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ ซึ่งเมื่อผู้เดินทางมาถึง ควรจะได้รับมาตรการการตรวจคัดกรอง หรือกักตัว ตามสมควรแก่เหตุและผล ซึ่งในการระบาดใหญ่ครั้งนี้ ไม่ได้มีการกำหนดนโยบายครอบคลุมถึงการผลักดันเรือกลับไป พร้อมความเสี่ยงต่อสิทธิในการดำรงชีวิตของผู้ที่อยู่บนเรือ” องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

อนึ่ง มีรายงานขบวนการค้ามนุษย์ ลักลอบนำพาชาวโรฮิงญากว่าหกสิบคน ที่เรือมาเกยหาดเกาะราวี เมื่อช่วงก่อนกลางเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว ซึ่งในขณะนั้น พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.ภ.จว.สตูล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาค้ามนุษย์และอื่น ๆ ต่อนายสังคม พาพันธุ์ อายุ 49 ปี ไต้ก๋งเรือชาวจังหวัดระนอง และชาวเมียนมา 5 คน ซึ่งเป็นผู้นำพา รวมทั้งได้จับกุมตัวผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกสองราย คือ นายอนิซุร เราะห์มาน หรือ มาเล็ก (Anisur Rohaman) ชาวโรฮิงญา และนายพิทักษ์ หรือเปี๊ยก ลอดเอ่น